สิวเม็ดข้าวสาร เป็นหนึ่งในปัญหาสิวที่พบได้บ่อย ซึ่งจะเป็นเม็ดเล็ก ๆ บนใบหน้าและส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ในบทความนี้เราจะชวนคุณมาทำความรู้จักกับ เจ้าสิวข้าวสาร นี้ให้มากขึ้น ว่าสิวประเภทนี้เกิดจากอะไร และสามารถรักษาให้หายหรือป้องกันได้อย่างไรบ้าง
สิวเม็ดข้าวสารคืออะไรและเกิดขึ้นได้อย่างไร
สิวเม็ดข้าวสาร คือสิวที่เกิดจากการที่โปรตีนเคราตินติดค้างอยู่ใต้ผิวหนังหรือส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวได้ ซึ่งสิวเม็ดข้าวสารมีขนาดเล็ก มักมีสีขาวหรือสีเหลือง เป็นสิวประเภทที่ไม่ทำให้รู้สึกคันหรือเจ็บ แต่ทำให้คุณรู้สึกระคายเคืองได้ มักปรากฎขึ้นที่จมูกและแก้ม และมักจะก่อตัวกันเป็นกลุ่ม
เคราตินคือโปรตีนที่พบได้ในเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ผม และเล็บ
เช่นเดียวกับสิวประเภทต่าง ๆ สิวข้าวสารไม่ควรถูกกระตุ้นด้วยการสัมผัสแรงๆ ในบริเวณที่เป็น เช่นหากใช้กระดาษหรือผ้าถูตรงบริเวณที่เป็นสิวแรงๆ อาจทำให้เกิดผื่นแดงหรือเกิดอาการแสบและคันได้
สิวข้าวสารมีลักษณะเหมือนกับซีสต์ที่พบได้บริเวณใบหน้า ริมฝีปาก เปลือกตา และแก้ม อย่างไรก็ตามก็ยังสามารถพบได้ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยสิวเม็ดข้าวเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ในเด็กทารก ซึ่งเป็นผลมาจากการรับฮอร์โมนมาจากแม่ อย่างไรก็ตาม สิวเม็ดข้าวสารไม่ได้เกิดการอักเสบหรือบวม โดยทารกที่มีสิวข้าวสารมักจะมีตั้งแต่ตอนแรกเกิด
สิวข้าวสาร ยังสามารถเกิดขึ้นได้กับเด็กโตและผู้ใหญ่ ซึ่งมักมีสาเหตุจากการที่ผิวหนังเกิดความเสียหาย เช่น ผิวหนังที่เกิดจากการโดนแสงแดดเป็นเวลานาน ใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสเตอรอยด์เป็นเวลานาน เกิดอาการพุพองเนื่องจากสภาพของผิวหนัง นอกจากนี้แล้วสิวเม็ดข้าวสารยังสามารถเกิดขึ้นได้จากการที่ผิวหนังไม่สามารถผลัดผิวได้เนื่องจากวัยที่มากขึ้น
ประเภทของสิวเม็ดข้าวสารมีอะไรบ้าง
สิวเม็ดข้าวสารสามารถแบ่งประเภทได้ตามอายุของซีสต์ที่เกิดขึ้นและก่อตัว โดยในช่วงแรกสิวเม็ดข้าวสารเกิดจากการฟอร์มตัวของเคราติน ซึ่งมักพบในเด็กเล็กหรือผู้ใหญ่ที่บริเวณใบหน้า ประเภทต่อมาคือซีสต์ที่พัฒนาจากการที่ถูกแดด พุพอง หรือบาดเจ็บ
สิวเม็ดข้าวสารในเด็กแรกเกิด (Neonatal Milia)
สิวเม็ดข้าวสารในเด็กแรกเกิดเป็นสิวเม็ดข้าวสารปฐมภูมิซึ่งเกิดขึ้นในเด็กแรกเกิดและจะหายไปเองได้ในไม่กี่สัปดาห์ โดยพบบ่อยในบริเวณใบหน้า หนังศีรษะ และลำตัวส่วนบน
สิวเม็ดข้าวสารปฐมภูมิในเด็กโตและผู้ใหญ่
สิวเม็ดข้าวสารประเภทนี้สามารถพบได้ที่บริเวณเปลือกตา หน้าผาก และอวัยวะเพศ โดยสิวเม็ดข้าวสารประเภทนี้สามารถหายไปได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ไปจนถึงหลายเดือน
สิวเม็ดข้าวสารในวัยรุ่น (Juvenile milia)
สิวเม็ดข้าวสารประเภทนี้อาจมีสาเหตุมาจากโรคทางพันธุกรรมได้ เช่น นีวอยด์เบซัลเซลล์คาร์ซิโนมาซินโดรมหรือกลุ่มของความผิดปกติของผิวหนังที่โดดเด่น Pachyonychia congenita
สิวเม็ดข้าวสารแบบแบนราบ (Milia en plaque)
สิวเม็ดข้าวสารแบบเม็ดราบชนิดนี้มักมีสาเหตุมาจากทางพันธุกรรมหรือโรคทางผิวหนัง เช่น โรคลูปัส หรือไลเคนพลานัสดิสคอยด์ ซึ่งมักเป็นที่บริเวณเปลือกตา ใบหู แก้ม หรือกราม โดยที่สิวเม็ดข้าวสารแบบนี้อาจมีขนาดที่ใหญ่ได้ โดยพบมักพบในผู้หญิงวัยกลางคน แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ใหญ่ เด็ก และทั้งชายและหญิงด้วย
สิวเม็ดข้าวสารชนิดแตกได้ (Multiple Eruptive Milia)
สิวเม็ดข้าวสารประเภทนี้ประกอบไปด้วยบริเวณที่ทำให้เกิดอาการคัน โดยมักเกิดที่บริเวณใบหน้า แขนด้านบน และลำตัว โดยสิวเม็ดข้าวสารประเภทนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ไม่กี่สัปดาห์ไปจนถึงหลายเดือน
สิวเม็ดข้าวสารที่เกิดจากบาดแผล (Traumatic Milia)
สิวเม็ดข้าวสารประเภทนี้มักเกิดที่บริเวณผิวหนังที่มีอาการบาดเจ็บ เช่น อาจเกิดรอยพุพองของผิวหนังหรือบริเวณที่มีผื่นคัน โดยที่ซีสต์อาจเกิดอาการระคายเคือง จนเป็นสีแดงที่บริเวณขอบ ในขณะที่ตรงกลางมีสีขาว
สิวเม็ดข้าวสารเกิดการใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์อะไรได้บ้าง?
หากใช้ครีมที่เป็นสเตอรอยด์สามารถเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวข้าวสารได้ หรือการใช้สกินแคร์หรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมดังต่อไปนี้ ก็สามารถเป็นเหตุที่ทำให้เกิดสิวข้าวสารได้เช่นกัน โดยตัวอย่างของส่วนผสมดังกล่าว ได้แก่ พาราฟินเหลว, ปิโตรเลียมเหลว, น้ำมันพาราฟิน และน้ำมันปิโตรเลียม เป็นต้น
วิธีรักษาสิวเม็ดข้าวสาร
สำหรับในเด็กแรกเกิด สิวเม็ดข้าวสารจะสามารถหายไปได้เองภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ในเด็กโตหรือผู้ใหญ่ สิวเม็ดข้าวสารสามารถหายได้เองภายในไม่กี่เดือน ถ้าหากเกิดการระคายเคืองและต้องการรักษาให้หาย สามารถรักษาได้ในหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การบำบัดด้วยความเย็นจัด (Cryotherapy) การใช้เข็มที่ฆ่าเชื้อแล้วดึงซีสต์ออกมา (Deroofing) ใช้ยารักษาสิวประเภท Topical Retinoid ฉายเลเซอร์ การลอกหน้าเพื่อผัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี การใช้ความร้อนในการขจัดซีสต์ (Diathermy) เป็นต้น
และนี่ก็คือข้อมูลที่ครอบคลุมทั้งหมดสำหรับสิวเม็ดข้าวสารที่คุณควรรู้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ว่าสิวเม็ดข้าวสารคืออะไร เกิดจากอะไร มีประเถทอะไรบ้าง และสามารถที่จะรักษาให้หายได้อย่างไรบ้าง หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านและช่วยให้ลดความกังวลใจที่มีต่อสิวชนิดนี้ได้ พร้อมทั้งหาวิธีรักษาที่ตรงตามความต้องการของคุณได้ด้วย